#เรื่องเล่าเปลี่ยนหนังสือจากยาขมเป็นขนมหวาน
เด็กทุกคนรักเรื่องเล่า เด็กทุกคนรักนิทาน จริงๆ อย่าว่าแต่เด็กเลยค่ะ ผู้ใหญ่อย่างเราๆ ก็ชอบเรื่องเล่ามากกว่าข้อมูลแห้งๆ
เมื่อฟังเรื่องเล่าแล้วเราจะเพลิดเพลินราวกับต้องมนต์ เด็กๆ ที่มีประสบการณ์แสนวิเศษกับเรื่องเล่าจะเชื่อมโยงการอ่านเข้ากับความสุขโดยอัตโนมัติ หรือที่ฝรั่งเรียกว่า Reading for Pleasure และความสุขนี่เองที่จะเป็นแรงขับสำคัญให้ลูกหมี “อยากอ่านเอง” ไม่กลัวหนังสือ พร้อมเรียนรู้ภาษาอย่างไร้ขีดจำกัด
…
ในทางกลับกัน เมื่อเราสอนภาษาโดยใช้แต่บัตรคำหรือแบบฝึกที่ขาดเรื่องเล่า ลูกหมีจะรู้สึกสนุกในการจำคำ-ผสมคำในช่วงแรกๆ รู้สึกดีใจที่แม่หมีชื่นชม แต่พอทำไปสักพักลูกหมีก็เบื่อ เพราะคำเหล่านั้นเป็นแค่ข้อมูลแห้งๆ ไร้ชีวิตชีวา เหมือนเวลาแม่หมีถูกบังคับให้ไปเข้าสัมมนาอบรมอะไรๆ ที่มีแต่ข้อมูล bullet points เต็มไปหมดนั่นแหละค่ะ สัมมนาเสร็จก็จำอะไรไม่ได้ แถมคิดไม่ค่อยออกว่าจะเอาข้อมูลไปใช้อย่างไรต่อ คิดดูสิว่าลูกหมีน่าสงสารขนาดไหน ถ้าต้องอยู่แต่กับข้อมูลแห้งๆ เหล่านี้ และที่ร้ายที่สุดคือ ลูกหมีจะเห็น “การอ่านเป็นยาขม” ตรงกันข้ามกับความสุขโดยสิ้นเชิง ต้องบังคับตัวเองให้ทำ และจะทำก็ต่อเมื่อจำเป็นเท่านั้น ถ้ามีทัศนคติแบบนี้แล้วจะแก้ยากนะคะ และจะตัดโอกาสแห่งการเรียนรู้ดีๆ อีกมากมาย
…
ดังนั้นเรามาสสร้างทัศนคติว่าการอ่านคือความสุขให้กับเด็กๆ ของเรากันเถอะค่ะ
…
ปล. บัตรคำใช่ว่าจะไม่มีคุณเสียเลยนะ บัตรคำใช้ทบทวนคำศัพท์และสร้างความคุ้นเคยกับคำอย่างเฉพาะเจาะจงได้ แต่ควรจะใช้ควบคู่ไปกับเรื่องเล่าจึงจะเกิดประโยชน์สูงสุดค่ะ
แหล่งข้อมูล FB อ่าน อาน อ๊าน