คุณแม่ท่านหนึ่งส่งคำถามมาเมื่อหนึ่งปีที่แล้ว ลูกเล่นหน้าจอมากตั้งแต่เล็กๆ ไม่สบตา ไม่มองหน้า เรียกไม่หัน ดื้อ กรี๊ด ตีแม่ ข่วนหน้าตัวเอง สื่อสารกันไม่ได้เลย นี่คือคำตอบเมื่อครั้งนั้น
“หยุดหน้าจอทันที
ตี ข่วน จับทันที และพูดว่า “ไม่ให้ทำ” สั้นๆ ชัดๆ มองหน้าเขา สงบ ทำไปเรื่อยๆ อย่ายอมแพ้ครับ 1000ครั้งก็ทำ ไม่ตีคืน
วันไหนที่เขาดี อย่าลืมพูด “แม่ชอบแบบนี้” แล้วกอด
หานักกิจกรรมบำบัดเก่งๆให้เจอ เขาช่วยได้
คุณแม่รักษาเองได้ด้วย อ่าน เลี้ยงลูกให้ได้ดี 1-100 ทุกตอนอย่างตั้งใจ ผมตั้งใจเขียนให้อ่าน เวลาเราหมดทางไป ไม่รู้จะทำอะไร เลี้ยงใหม่ปั้นใหม่ง่ายที่สุด อันนี้ขอยืนยัน
ดังนั้นคุณแม่ทุ่มเวลาให้เขาจากวันนี้ถึง 7 ปี อย่ายอมแพ้ ไม่ต้องคิดเรื่องเอาไป รร ถามว่าทำอะไร 1.เล่น 2.ชวนเขาทำงานบ้าน 3. กอดให้มากที่สุด
เล่นคือเล่นเสรีในสนามดีที่สุด วิ่งไล่จับ ในที่โล่งกว้าง ปีนป่ายที่สูง เหล่านี้พัฒนาเซลล์สมองเยอะมาก นอกจากนี้คือเล่นดินทราย ระบายสี ปั้นดินน้ำมัน ต่อบล็อคไม้ ฉีกพับกระดาษ ทำทุกอย่างที่เขาชอบ อย่าห่วงเรื่องเรียน
อ่านหนังสือก่อนนอนต่อไป ไม่มีข้อห้าม
ชวนทำงานบ้านด้วยกัน จ่ายงานที่เขาทำได้แน่ๆ เล่นด้วยกัน พอเขาทำอะไรได้นิดหนึ่ง ชม กอด หอมแก้ม งานบ้านจะเพิ่ม self-esteem เร็วที่สุด”
หนึ่งปีผ่านไป…
“คุณหมอคะ ขออัพเดตอาการลูกสาวนะคะ ตอนนี้น้อง3ขวบเต็มแล้ว พฤติกรรมดีขึ้นมากๆเลยค่ะ ครูนักกิจกรรมบำบัดบอกว่า ลูกสาวพัฒนาการสมวัยแล้วค่ะ เรื่องการพูดยังไม่ถือว่าตกเกณฑ์ แต่ก็ไม่ได้อยู่Top Rankค่ะ คือค่อนมาทางปลายๆRank ยังมีเด็กอายุเท่ากัน ที่พูดได้เท่านี้ประมาณ20% แต่สำหรับแม่ไม่รู้สึกว่าเป็นปัญหานะคะ เพราะเค้าสื่อสารบอกความต้องการพื้นฐานได้แล้ว และพูดมากกกกกกกกกกกก มากค่ะ แต่แม่ก็ไม่เร่งละ รู้สึกว่า เค้าก็ค่อยๆไปตามสปีดของเค้าค่ะ ยังคงฝึกกับนักกิจกรรมบำบัดต่อไปเรื่อยๆนะคะ ช่วยฝึกพัฒนาการด้านอื่นๆไปเรื่อยๆค่ะ
ตอนนี้ฝึกอย่างเข้มงวดมากเรื่องวินัย การดูแลตัวเองค่ะ แต่งตัวเอง ถอดเสื้อเอง ถูสบู่ ทาแป้งเอง แปรงฟันเอง(แต่แม่ต้องแปรงซ้ำให้ค่ะ) ใส่และถอดรองเท้าเอง(แม่กำกับบ้างนะคะ) ถ้ามือเลอะก็จะวิ่งไปล้างมือเอง เก็บของเล่นได้เอง นั่งทานอาหารร่วมกับพ่อแม่ทุกมื้อ ไม่มีการลุกออกไปไหน ทานเสร็จจึงลุก จะทานมากทานน้อยแม่ไม่ว่า (เพราะเชื่อคุณหมอเรื่องที่ว่าวินัยการกินสำคัญกว่าปริมาณการกิน) ทานเองไม่มีการป้อน ทานเสร็จเอาเศษอาหารไปทิ้ง และเอาจานไปล้างน้ำและวางในซิ้ง งานบ้านยังไม่ค่อยให้ช่วยเท่าไหร่ค่ะ ตอนนี้ฝึกรับผิดชอบทุกอย่างของตัวเองก่อน
เรื่องขับถ่ายตอนนี้เลิกแพมเพิสขาดแล้วค่ะ เรื่องอึไม่มีปัญหาจะวิ่งไปนั่งกระโถนเอง อึเอง แต่ฉี่นี่ยังไม่ยอมบอกเลยค่ะว่าปวด แม่ก็จับเข้าห้องน้ำเป็นเวลาเอา ทุกๆ2ชม. ยอมรับว่ามีฉี่ราดบ้างค่ะ และไม่ค่อยจะยอมฉี่นอกบ้านจะอั้นไว้จนกว่าจะถึงบ้านค่ะไม่ไหวก็ราดตามสูตร แต่แม่ก็กำลังฝึกอย่างเอาจริงเอาจัง แต่ก็ดีขึ้นทุกวันๆแล้ว ถือว่าค่อยๆเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้นค่ะ เชื่อวิธีคุณหมอค่ะ ทั้งแนวคิด และวิธีการค่ะ
ตอนนี้ซื้อบ่อทรายทะเลมาไว้ที่บ้าน ลูกชอบมากเลยค่ะ อยู่ในบ่อแทบจะทั้งวัน ลงไปนั่งนอนกลิ้งเกลือกกับทรายค่ะ เลยต้องจับอาบน้ำวันละ3รอบค่ะ 555 ถ้าแม่ว่างจากการทำงานบ้านก็จะลงไปนั่งเล่นทรายกับเค้าค่ะ ตอนนี้เค้าดื้อลงน้อยมาก พ่อแม่คือพระเจ้าอย่างแท้จริง 555555 เมื่อพ่อแม่บอกให้ทำอะไรถือเป็นคำขาด ต่อรองได้แต่สุดท้ายก็ต้องทำอยู่ดี ฟังพ่อแม่คุยตกลงกันได้ค่ะ แต่ก็พยายามไม่ตึงเกินไป มีเรื่องดุให้น้อย เอาที่สำคัญที่จะส่งผลในอนาคต วินัยจริงจัง ทุกอย่างเป็นเวลา นอกนั้นเค้าจะทำบ้านเลอะเทอะแต่ช่วยเก็บช่วยเช็ด แม่โอเค รื้อของเล่นแล้วเก็บ แม่โอเค พยายามมองให้เป็นเรื่องตลก ไม่อยากเป็นยักษ์ตลอดเวลา อยากเป็นเพื่อนกับลูกค่ะ หาเรื่องชมตลอดเวลา
และทุกๆวันอย่างน้อย1ชม.พ่อแม่จะทิ้งทุกอย่างและมาอยู่กับเค้าพร้อมกันค่ะ เล่นด้วยกัน อ่านนิทาน เล่นเกมต่างๆ รู้สึกว่าลูกชอบที่ทั้งพ่อแม่และเค้ามานั่งเล่นด้วยกันมากกว่าที่จะเล่นกับแค่คนใดคนนึงค่ะ ซึ่งส่วนมากช่วงเวลานี้เราจะทำก่อนนอนค่ะ เราจะกอดกันบอกรักกัน พ่อบอกรักแม่ แม่บอกรักพ่อ พ่อแม่บอกรักลูก และปิดท้ายด้วยลูกบอกรักพ่อแม่ค่ะ แฮปปี้กอดกันจุ๊บแก้ม1ที ก่อนแยกย้ายไปนอน
ระหว่างวันพ่อแม่ต้องสลับกันมาอยู่กับลูกค่ะ เพราะต่างคนต่างมีงานที่ต้องทำ แต่เราจะไม่ปล่อยให้ลูกเล่นคนเดียวค่ะ ถ้าเหนื่อยมากบางทีแม่ก็มานอนพักข้างๆที่เค้านั่งเล่นค่ะ ไม่เคยหนีหายไปไหน วิธีคุณหมอนี่สุดเจ๋งจริงๆค่ะ ทำแล้วได้ผลครอบคลุม สถานการณ์ทุกอย่างกำลังคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้นทุกอย่างค่ะ
เรื่องเข้ารร. ตอนแรกคุยกับแฟนว่า จะให้อยู่บ้านจนถึง7ขวบกับแม่ เชื่อตามที่คุณหมอว่าค่ะ แต่ตอนนี้สถานการณ์เปลี่ยนไป เพิ่งซื้อบ้านใหม่และย้ายออกมาอยู่กันลำพังพ่อแม่ลูก เมื่อก่อนอาศัยบ้านตายายค่ะ ค่าใช้จ่ายบางอย่างตายายออกให้เลยไม่ค่อยเดือดร้อน พอย้ายออกมาค่าใช้จ่ายเยอะมากค่ะ พ่อเลยคุยกับแม่ว่าแม่คงต้องกลับมาทำงานช่วยค่าใช้จ่ายแล้วล่ะค่ะ คงต้องเอาลูกเข้าอนุบาล1 ปีการศึกษานี้ เปิดเทอมกลางเดือนพ.ค.นี้ค่ะ แม่ยังกังวลไม่หาย รู้สึกผิดอยู่ลึกๆ เราไปสมัครรร.ทางเลือกแนวมอนเตสซอรี่ไว้ค่ะ ไม่เรียนนั่งโต๊ะเลย โดยทั่วไปดูดีค่ะ แต่แม่ยังคงไม่วางใจ เพราะไม่รู้ว่าเค้าอิ่มแม่รึยัง ไม่รู้ว่าเค้าพร้อมมั้ย ถ้าเห็นท่าไม่ดี ลูกพัฒนาการถดถอย คงถอยกลับค่ะ มาอยู่กับแม่เหมือนเดิม เอาลูกเป็นตัวแปรหลักค่ะ ไม่เป็นไร เงินไม่สำคัญเท่า หมุนเงินติดขัดหน่อย แต่แม่ลูกอุ่นใจ”
แหล่งข้อมูล นายแพทย์ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์